หลากเรื่องน่ารู้ของ “ตาลปัตร” เครื่องใช้ไม้สอยคู่มือพระ
ตาลปัตร เครื่องใช้คู่กายพระสงฆ์ที่เห็นจนชินตา แต่ตาลปัตรคืออะไร มีไว้ทำไม มารู้จักที่มา ประโยชน์ และอานิสงส์การถวายตาลปัตร ซึ่งหลายคนอาจนึกไม่ถึง

เคยสงสัยกันมั้ย ทำไมพระต้องถึงต้องถือตาลปัตร ? เวลาใครไปฟังเทศน์ฟังธรรม หรือนิมนต์พระมาทำพิธีกรรม ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน หรือวัดก็ดี เรามักจะเห็นพระท่านมีตาลปัตรอยู่คู่กายเสมอ ทำให้คนส่วนใหญ่เคยชินกับเครื่องใช้รูปพัดด้ามยาวชิ้นนี้ แต่รู้หรือไม่ว่า ตาลปัตรคืออะไร มีความเป็นมาอย่างไร นอกจากใช้ในการให้ศีลให้พรแล้วตาลปัตรมีไว้ทำไม ใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกหรือไม่ วันนี้เรามีความรู้เกี่ยวกับตาลปัตรมาเล่าสู่กันฟัง
ตาลปัตร คืออะไร
ตาลปัตร (อ่านว่า ตาละปัด) เป็นคำภาษาไทยที่นำมาจากภาษาบาลีว่า ตาล ปตฺต แปลว่า “ใบตาล” ซึ่งใบตาลนี้เป็นสิ่งที่คนทั่วไปใช้พัดวีและบังแดดมาตั้งแต่โบราณ ดังนั้นตาลปัตร จึงหมายถึง พัดที่ทำจากใบตาลนั่นเอง
ตาลปัตรดั้งเดิมเป็นพัดที่ทำจากใบตาลหรือใบลาน สำหรับพัดเวลาร้อนหรือป้องกันแมลงไต่ตอม ใช้กันทั้งพระสงฆ์และคนทั่วไป ต่อมาจึงมีการต่อด้ามให้ยาวขึ้น เพื่อให้พระใช้เวลาทำพิธีทางศาสนา ปัจจุบันนิยมปักลวดลายศิลปะ แสดงสัญลักษณ์และอักษรเอาไว้ด้วย ทำให้ตาลปัตรมีคุณค่าทางศิลปะขึ้นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์เดิม แต่แม้จะพัฒนาเปลี่ยนแปลงเป็นวัสดุอื่นหรือตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตาอย่างไร ก็ยังนิยมเรียก “ตาลปัตร” อยู่เช่นเดิม และถือเป็นสมณบริขารอย่างหนึ่งของพระสงฆ์
ส่วนประกอบของตาลปัตร
ตาลปัตรมีส่วนประกอบหลักสองส่วนคือ
-
ตัวพัด
มีลักษณะเป็นทรงรีหรือรูปไข่ ทำจากใบตาลหรือใบลาน กว้างราว 30 เซนติเมตร ได้มาจากการนำใบตาลหรือใบลานตากแห้งมารีดให้เรียบ แล้วเรียงซ้อนกันเป็นวงกลม เย็บตรึงให้ใบตาลติดกันอยู่เป็นระยะ ๆ แล้วจึงทาเคลือบด้วยแล็กเกอร์เพื่อให้มันเงา จากนั้นนำลูกไม้และผ้าสีมาเย็บริม ตกแต่งด้วยพู่ไหมพรม ดิ้นเงินดิ้นทองให้เป็นลวดลายสวยงาม
-
ด้าม
ทำจากไม้เนื้อแข็ง เช่น โมกมัน ชิงชัน ประดู่ ไม้แดง เป็นต้น นำมาตัดกลึงเป็นทรงกระบอกขนาดพอดีมือ ความยาวประมาณ 90 เซนติเมตร หรือให้เหมาะกับพระสงฆ์ผู้ใช้ คือต้องบังหน้าพอดีเวลานั่งสวด ส่วนปลายที่ใช้คีบใบลานจะกลึงให้แบนกว้างเพื่อหนีบใบลานให้แน่ไม่หลุด พันปลายด้านบนที่ถูกแยกออกด้วยไหมพรมให้แน่น แล้วแต่ด้วยพู่ไหมพรมทับอีกชั้นหนึ่ง
ตาลปัตร มีไว้ทำไม
สันนิษฐานว่าการใช้พัดตาลปัตรนั้นมีมาแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว จุดประสงค์เดิมแท้นั้นก็เพื่อพัดให้เกิดลมเย็นสบาย บังแดด บังฝน นับเป็นเครื่องใช้ที่จำเป็นอย่างหนึ่ง เช่น พระสารีบุตรใช้พัด พัดถวายแก่พระพุทธเจ้า เป็นต้น
สำหรับพระสงฆ์ไทยน่าจะรับการใช้ตาลปัตรมาจากทางลังกา โดยพุทธเถรวาทนิกายลังกาวงศ์ โดยต่อมาในสังคมไทย พระภิกษุก็เริ่มใช้ตาลปัตรถือบังหน้าในพิธีกรรม เช่น เวลาให้ศีลและให้พร เมื่อมีการเจริญพระพุทธมนต์ การชักผ้าบังสุกุล ในพิธีฌาปนกิจหรืองานศพ ซึ่งจะทำให้ศาสนพิธีนั้น ๆ ดูเป็นพิธีรีตองและเป็นกิจลักษณะยิ่งขึ้น นอกจากนั้น พระเจ้าแผ่นดินที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนายังพระราชทานตาลปัตรแก่พระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์ (ตำแหน่งยศที่ได้รับพระราชทาน) ทำให้เกิดการถวายตาลปัตรที่งดงามยิ่งขึ้น กลายเป็นเครื่องยศประกอบ สมณศักดิ์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง เรียกว่า “พัดยศ” ส่วนตาลปัตรที่ใช้ทั่วไปจะเรียกว่า “พัดรอง”

ทำไมพระต้องถือตาลปัตร
สาเหตุที่พระสงฆ์นำตาลปัตรมาใช้นั้น มีผู้ให้ความเห็นต่าง ๆ กันไป บ้างก็ว่า การใช้ตาลปัตรครั้งแรก มิใช่เพื่อบังหน้าเวลาเทศน์ แต่ใช้เพื่อกันกลิ่นเหม็นของศพที่เน่าเปื่อย เนื่องจากพระสงฆ์ในสมัยโบราณจะต้องบังสุกุลผ้าห่อศพไปทำจีวร ดังนั้นท่านจึงต้องใช้ใบตาลขนาดเล็กมาบังจมูกกันกลิ่น จากนั้นต่อมาก็กลายเป็นประเพณีของสงฆ์ที่จะถือตาลปัตรไปทำพิธีต่าง ๆ โดยเฉพาะในพิธีปลงศพ
บางท่านก็ว่าการที่พระถือตาลปัตรในระหว่างการแสดงธรรมเทศนาหรือสวดพระปริตร ก็เพราะพระพุทธเจ้าทรงถือตาลปัตรเมื่อเสด็จไปโปรดพระบิดา หรือ พระเจ้าสุทโธทนะ พระสงฆ์จึงได้ปฏิบัติตาม นอกจากนี้ยังมีผู้สันนิษฐานว่า เนื่องจากสภาพจิตใจของผู้ฟังธรรมมีหลายระดับ พระจึงต้องมีการหาเครื่องกำบังหน้าเวลาเทศน์หรือประกอบพิธี เพราะต้องการให้ผู้ฟังได้ฟังแต่ธรรมจากท่านเท่านั้น มิใช่มัวแต่มองหน้าหรือหลงรูป ขณะที่พระสงฆ์เองยังสามารถใช้บังสายตาให้ไม่มองในสิ่งที่อาจทำให้เกิดกิเลสอีกด้วย
แม้ว่าต้นกำเนิดของการที่พระสงฆ์ต้องถือตาลปัตร จะยังไม่แน่ชัดว่าแท้จริงเป็นมาอย่างไร แต่สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงประทานความเห็นไว้ว่า ความคิดที่ให้พระสงฆ์ถือตาลปัตรคงมาจากลังกา โดยเชื่อกันว่าพระสงฆ์ที่ได้บวชเรียนในลัทธิลังกาวงศ์จะต้องมีความรู้ทางพระศาสนาลึกซึ้งมากกว่าพระสงฆ์ที่บวชในลัทธิอื่นที่มีมาแต่เดิม ดังนั้นพุทธศาสนิกชนในไทยที่เลื่อมใสศรัทธาพระพุทธศาสนาจากลังกาวงศ์ ก็ย่อมรับเอาพิธีกรรมและประเพณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสังฆพิธีมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการถือตาลปัตร หรือการตั้งสมณศักดิ์ เพราะท่านว่าจากตรวจสอบศึกษาศิลปะอินเดียโบราณสมัยต่าง ๆ โดยเฉพาะจากประติมากรรม ยังไม่พบรูปพระพุทธเจ้าหรือพระโพธิสัตว์ หรือพระสมณะถือตาลปัตรเลย เพราะฉะนั้น การที่พระสงฆ์ถือตาลปัตรจึงไม่น่าจะเป็นคติดั้งเดิมจากอินเดีย แต่น่าจะมาจากลังกาตามหลักฐานที่ว่าข้างต้น
ที่มาของการถวายตาลปัตร
จากความศรัทธาที่ว่าตาลปัตรเป็นข้าวของเครื่องใช้จำเป็นของพระสงฆ์ ชาวบ้านจึงเกิดความคิดนำตาลปัตรไปถวายพระ โดยช่วงแรกคงเป็นใบตาลตามคติเดิม ต่อมาใบตาลอาจจะเสื่อมความนิยมลง เลยนำพัดที่ทำด้วยไม้ไผ่สาน หรือขนนก ไปถวายให้พระใช้แทน นั่นทำให้ตาลปัตรเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบมาเรื่อย ๆ และมีพัฒนาการเช่นเดียวกับศิลปกรรมประเภทอื่น ๆ ดังจะได้เห็นว่า ตาลปัตรในปัจจุบันจะผลิตจากวัสดุที่งดงามและทนทานขึ้น เช่น ไม้ไผ่สาน งาสาน ผ้าแพรอย่างดี ขนนก หรือมีการปักดิ้นเงินดิ้นทอง ประดับด้วยอัญมณีต่าง ๆ สุดแต่กำลังศรัทธา ซึ่งตาลปัตรนี้ถือว่าเป็นของมงคลอย่างหนึ่งใน 108 มงคลที่ปรากฏในรอยพระพุทธบาทด้วย
ควรถวายตาลปัตรในโอกาสใด
การถวายตาลปัตรสามารถทำได้ในหลายโอกาส ทั้งงานบุญ งานบวช ดังนี้
- ถวายตาลปัตรเป็นบริวาร งานทอดกฐิน ผ้าป่า ช่วงเข้าพรรษา
- ถวายตาลปัตรเป็นบริวารอัฐบริขารงานอุปสมบท
- ถวายในโอกาสที่ต้องการให้เป็นที่ระลึกจดจำในการทำบุญ เช่น ครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งองค์กร
- ถวายตาลปัตรเพื่อทำบุญสะเดาะเคราะห์ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย
- ถวายตาลปัตรทำบุญ เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของตนเอง

คำถวายตาลปัตร
เอตัง มะยัง ภันเต ยะสะวีชะนีปะติฏฐานัง สะปะริวารัง อัยยัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต
อัยโย เอตัง ยะสะวีชะนีปะติฏฐานัง สะปะริวารัง ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ
ปิยะชะนานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายที่ตั้ง ตาลปัตร พัดยศ พร้อมกับของบริวารนี้ แด่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้า จงรับที่ตั้ง ตาลปัตร พร้อมกับของบริวารนี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลายมีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนาน เทอญ ฯ
คำอธิษฐานหลังถวายตาลปัตร
ขออานิสงส์แห่งการถวายตาลปัตร หากแม้นมีเรื่องไม่พึงประสงค์ ทุกข์โทษ เศร้าหมอง ไม่สบาย ให้กลับกลายเป็นเรื่องดี เจริญกาย เจริญใจ และเรื่องดีทั้งหลาย ให้สมประสงค์ได้เป็นทวีคูณเทอญ
นอกจากนี้ ตาลปัตรบางชิ้นยังนิยมปักด้วยคำว่า “ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น” หรือ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” นั่นเป็นคำเตือนสติให้มนุษย์ทั้งหลายยอมรับในกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ ดังนั้นด้วยอานิสงส์แห่งการถวายตาลปัตรนี้ จะทำให้มีพระรัตนตรัยเป็นเครื่องเตือนใจอันประเสริฐทุกชาติทุกภพไปด้วย
หรือหากใครเคยได้ยินคำว่า “กลับตาลปัตร” ซึ่งแปลว่าพลิกความคาดหมาย ดังนั้น เราอาจอธิษฐานว่า “ด้วยอานิสงส์แห่งการถวายตาลปัตรนี้ เมื่อใดที่ข้าพเจ้าประสบเหตุการณ์ฉุกเฉิน จนอาจเป็นอันตรายหรือสร้างความเดือดร้อนใจให้กับข้าพเจ้า ตลอดจนประสบเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าอับจนหนทางแล้วไซร้ ก็ขอให้ในที่สุดเหตุการณ์เหล่านั้นพลิกตาลปัตรเป็นดีด้วยเทอญ”
ตาลปัตร ความเชื่อเรื่องอานิสงส์ของการถวาย
การถวายตาลปัตร เชื่อว่าผู้ถวายจะได้รับอานิสงส์ ดังนี้
- ถึงพร้อมด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ อำนาจบารมีแห่งศีลธรรม
- มีชื่อเสียงเกียรติคุณแผ่ก้องไพศาล
- ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป บรรเทาสิ่งร้ายให้กลายเป็นดี นำมาซึ่งความร่มเย็น
- ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ได้รับการปกป้องคุ้มครอง
- เป็นที่เคารพยำเกรงของคนทั้งหลาย
- ไม่เป็นโรคผิวหนัง หากเป็นแล้วก็จะหายดี
ตาลปัตรราคา เท่าไร
ตาลปัตรในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบและราคา เช่น ตาลปัตรผ้าพิมพ์ลายทั่วไป จะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 120-200 บาท ตาลปัตร ผ้าตาดพิมพ์อุปสมบท ด้ามพลาสติก จะมีราคาประมาณ 200-400 บาท ส่วนตาลปัตรพัดประดิษฐ์งานละเอียด หรือปักอักษรพิเศษเฉพาะ ก็จะมีราคาสูงขึ้น กระโดดไปที่ 1,600 – 1,800 บาท จนถึงหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของลวดลายที่สั่งทำ
ไม่น่าเชื่อว่าตาลปัตรที่เราคุ้นเคย จะมีประวัติและความสำคัญมากขนาดนี้ ทราบเรื่องราวความน่าสนใจของตาลปัตรแล้ว ใครที่ต้องการถวายตาลปัตรให้แก่พระสงฆ์ เนื่องในโอกาสต่าง ๆ เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ก็สามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ที่นี่เลย
ลิงก์สินค้า
https://chokdeesanghaphan.com/ตาลปัตร
อ่านบทความอื่นๆ ของทาง โชคดี สังฆภัณฑ์ อ่านบทความเพิ่มเติม
ช่องทางการติดต่ออื่นๆ
แอด Line : @chokdees
Shopee : Chokdees
Lazada : Chokdees
IG: chokdee_sanghaphan






